วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ทำไมแป้นพิมพ์ ไม่เรียง A B C



     รู้หรือป่าว !! ทำไม ตัวอักษรในแป้นพิมพ์ทั้งของเครื่องพิมพ์ดีดและคอมพิวเตอร์ ถึงไม่เรียงกันตามลำดับอักษรเช่น A B C
     สำหรับการเรียงอักษรบนแป้นพิมพ์ในปัจจุบันนั้นส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการเรียง ที่เรียกว่า QWERTY (คิวเวอร์ตี้) ที่เรียกกันอย่างนี้เพราะเป็นการนำอักษร 6 ตัวแรก(เมื่อนับจากซ้ายมาขวา) ของแป้นพิมพ์ที่เป็นตัวอักษรแถวบนมาต่อกัน และถ้าหากจะถามว่าทำไมถึงต้องเรียงแบบนี้ เราคงต้องย้อนกลับไปในอดีตกันซะหน่อย

     การเรียงลำดับ อักษรของแป้นพิมพ์ในปัจจุบันนั้น มีที่มาจากข้อจำกัดที่เกิดกับเครื่องพิมพ์ดีดในยุคแรกๆ ที่ยังจัดแป้นพิมพ์แบบเรียงตามลำดับตัวอักษรคือ เมื่อคนที่พิมพ์ดีดได้คล่องและเร็วมาพิมพ์จะทำให้ก้านพิมพ์ดีดขัดกันอยู่ เสมอ ต่อมา คริสโตเฟอร์ ลาแธม โชลส์ วิศวกรเครื่องกลชาวสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องพิมพ์ดีดสมัยใหม่รายแรกและได้รับสิทธิบัตรในปี 1868 จึงทำการเรียงลำดับตัวอักษรเสียใหม่ด้วยการแยกตัวอักษรที่มักใช้มาผสมเป็นคำ ร่วมกันบ่อยๆ ออกไปอยู่กันคนละฝั่งของแป้นพิมพ์ เพื่อทำให้นักพิมพ์ดีดพิมพ์ได้ช้าลงกว่าเดิม จะได้ไม่เกิดปัญหาก้านพิมพ์ขัดกันอีก

     อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกผู้คนยังคงไม่นิยมเครื่องพิมพ์ดีดของเขามากนัก ทำให้โชลส์ตัดสินใจขายสิทธิบัตรดังกล่าวให้กับทางบริษัท เรมิงตันอาร์มคอมพานี ในปี 1973 ซึ่งปรากฏว่าหลังจากที่ทางเรมิงตันผลิตเครื่องพิมพ์ดีดออกมาจำหน่าย ความนิยมในตัวเครื่องพิมพ์ดีดกลับเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก

     ในเวลาต่อมา ปรากฏว่ามีผู้พยายามจัดเรียงตัวอักษรบนแป้นพิมพ์เป็นแบบต่างๆ ซึ่งแบบที่ได้รับความนิยมมากหน่อยก็อย่างเช่น แบบ DVORAK ซึ่งเคยมีการบอกกล่าวกันว่าการเรียงในรูปแบบนี้จะทำให้พิมพ์เร็วขึ้น จนทางห้างร้านบริษัทหลายแห่งเริ่มนิยมกันอยู่พักหนึ่ง แต่ว่าในปี 1956 ทาง General Services Administration ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มีหน้าที่คอยให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นแก่หน่วยงานอื่นๆของรัฐ ได้ทำการศึกษาการจัดแป้นพิมพ์ทั้ง 2 แบบ และก็พบว่า การจัดแบบ QWERTY นั้น ทำให้พิมพ์ได้เร็วเท่ากับหรือมากกว่าแบบ DVORAK ทำให้ความนิยมของการจัดแป้นพิมพ์แบบ DVORAK ลดลงไป

     ทั้งนี้ หลายคนอาจจะคิดว่า ปัจจุบันเราก็ไม่ได้นิยมใช้พิมพ์ดีดแบบเมื่อก่อนแล้ว ดังนั้นปัญหาเรื่องก้านพิมพ์ขัดกันก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาต่อไป แล้วทำไมเราจึงไม่เปลี่ยนกลับไปใช้แป้นพิมพ์แบบเรียงตามตัวอักษรเหมือนก่อน ซึ่งคำตอบสำหรับคำถามนี้หลายคนคงพอเดากันได้ว่าเป็นเพราะ เราคุ้นเคยและเคยชินกับแบบ QWERTY จนไม่อยากจะกลับไปเสียเวลาเริ่มนับหนึ่งกับแบบเดิมเสียแล้ว
 ปล. แป้นพิมพ์ภาษาไทย ก็ให้เหตุผลเดียวกัน

วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ระวัง!!! "จอดำมรณะ" บน Windows 7

     เมื่อสัปดาห์ทีผ่านมา ผู้ใช้ Windows 7 จำนวนหนึ่งเริ่มไม่พอใจที่จู่ๆ คอมพิวเตอร์ของพวกเขาก็ปิดตาย (lock up) ตัวเองด้วยการแสดงหน้าจอดำสนิท ซึ่งอาการดังกล่าวเรียกว่า Black Screen of Death คนละอาการกับ Blue Screen of Death (BSOD) ที่เราคุ้นเคย โดยอาการดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ได้มีการอัพเดตแพตช์เมื่อวันอังคารที่ 10 พฤศจิกายนทีผ่านมา

     ล่าสุดทางไมโครซอฟท์ได้รับแจ้งปัญหา"จอดำมรณะ"ทีเกิดขึ้นกับผู้ใช้เรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ยืนยัน หรือปฏิเสธปัญหาที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด เพียงแต่บอกว่า ขณะนี้ทางบริษัทกำลังตรวจสอบว่า อัพเดตล่าสุดเป็นตัวการที่ทำให้เกิดปัญหากับลูกค้าบางราย หรือไม่? ซึ่งหากได้ข้อสรุปที่ชัดเจนแล้ว ทางบริษัทจะแจกแจงรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีป้องกัน หรือชี้ชัดต้นตอของปัญหาให้ได้ทราบกันอีกที



     สำหรับแพตช์ล่าสุดจะมีการเปลี่ยนแปลงการทำานของ Access Control List (ACL) ซึ่งเป็นรายการในการให้สิทธิ์กับผู้ใช้ที่ล็อกออนเข้าสู่ระบบปฏิบัติการ (ในรีจิสทรี) ผลลัพธ์จากการแก้ไขการทำงานดังกล่าว ทำให้แอพพลิเคชันบางตัวที่ติดตั้งเข้าไปในเครื่องของผู้ใช้ก่อนหน้านี้ (โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ระบบรักษาความปลอดภัยต่างๆ) ซึ่งพวกมันจะไม่มีทางทราบถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเหล่านี้ ส่งผลให้เกิดข้อผิดพลาดของการทำงาน และอาจะเป็นสาเหตุให้เกิดอาการ "จอดำมรณะ" ได้ในที่สุด ไมโครซอฟท์ตั้งใจที่จะปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัยของวินโดวส์ แต่ผลลัพธ์กลับทำให้ระบบรักษาความปลอดภัยของผู้ใช้มีปัญหา จนพาให้ระบบล่มการทำงานในที่สุด



     Prevx บริษัทผู้เชี่ยวชาญทางด้านระบบรักษาความปลอดภัยตังข้อสังเกตไว้ในบล็อกว่า "หลังจากอัพเดตแพตช์ และรีสตาร์ท Windows 7, Vista, XP, NT, W2K, W2K3 หรือ W2K8 บนพีซี หรือเซิร์ฟเว่อร์ ระบบจะสามารถทำงานได้ปกติดี จนกระทั่งล็อกออนเข้าไป ปรากฎว่า มันไม่แสดงเดสก์ทอป ทาสก์บาร์ ซิสเต็มเทรย หรือไซด์บาร์ให้เห็นแต่อย่างใด คงมีเพียงแค่หน้าจอดำสนิท กับหน้าต่าง Windows Explorer ค้างอยู่เท่านั้น ซึ่งบางทีมันก็ถูกมินิไมซ์จนทำให้อาจมองไม่เห็นได้" ในขณะที่ไมโครซอฟท์ยังไม่สรุปปัญหาที่พบ ทาง Prevx ได้ออกซอฟต์แวร์แก้ไขปัญหา (48.3KB) ที่เข้าไปแก้ไขรีจิสทรีให้เหมาะสม (สามารถเข้าไปแก้ไขโดยตรง โดยไม่ต้องใช้ซอฟต์แวร์ก็ได้) และสอดคล้องกับข้อกำหนดของ ACL เรียบร้อยแล้ว

ข้อมูลจาก: Techspot

คุณสแกนไวรัส บ่อยแค่ไหน





     จากประสบการณ์ทำงานกับเพือนๆ ในสำนักงาน เชื่อหรือไม่ว่า คนส่วนใหญ่ ไม่เคยสแกนไวรัสในคอมพิวเตอร์ของตัวเองเลย ทั้งๆ ที่มีโปรแกรม anti-virus ติดตั้งอยู่ และคนส่วนใหญ่ก็ไม่เคย update โปรแกรม anti-virus ให้ทันสมัยด้วยเช่นกัน แล้วอย่างนี้ เราจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไร สำหรับสำนักงานหรือองค์กรขนาดใหญ่ ปัญหาเหล่านี้หมดไป ถ้าเราติดตั้งโปรแกรมในการบริหารจัดการจากส่วนกลาง (Server) ซึ่งโปรแกรมนี้ จะสามารถสั่งให้ อัปเดท และสแกนไวรัสแบบอัตโนมัติได้ง่ายๆ

ควรตรวจสอบไวรัสบ่อยแค่ไหน

     อีกหนึ่งคำถามที่เป็นคำถามยอดนิยมเหมือนกัน เอาเป็นว่า ถ้าทำได้ แนะนำให้ สแกนไวรัสทุกวัน แต่อาจเลือกสแกนในลักษณะ "Active Scan" หรือประเภท "Quick Scan" ในวันธรรมดา และสแกนแบบละเอียดหรือ "Full Scan" ในวันหยุด หรือวันที่มีเวลาว่างๆ ทั้งนี้ ก่อนการสแกนไวรัส แนะนำให้ต่ออินเตอร์เน็ต และอัปเดทโปรแกรมให้ทันสมัยก่อน (ข้อสังเกตุให้ดูวันที่ที่มีการอัปเดทล่าสุด)

 

วิธีสแกนไวรัสบนฮาร์ดดิสก์ผ่าน Windows Explorer
1.แนะนำให้กดปุ่ม Windows Logo + E เพื่อเปิด Explorer
2.จากนั้น คลิกขวา เลือกคำสั่ง "Scan for Viruses" (อาจมีคำคล้ายๆ กัน ทั้งนี้ ขึ้นกับโปรแกรม anti-virus ที่คุณใช้งาน)
3.รอจนกระทั่งสแกนเสร็จสิ้น
4.ดูผลลัพธ์ของการสแกน
5.ถ้าโปรแกรม antivirus ของคุณไม่ได้มีกาลบหรือจัดการแบบอัตโนมัติ เราสามารถคลิกคำสั่งในการสั่งจัดการได้ ทั้งนี้ ขึ้นกับแต่ละโปรแกรม เรียกว่า ถ้ามีคำสั่ง "Next" ให้ทำขั้นตอนต่อไป ก็มักแสดงว่า ยังไม่ได้มีการจัดการไวรัสนั้นๆ แนะนำให้ทำตามขั้นตอนที่หน้าจอ

สแกนไวรัสบนฮาร์ดดิสก์ผ่านตัวโปรแกรมโดยตรง



1.เปิดโปรแกรม antivirus ที่คุณใช้งาน
2.โดยปกติ จะมีหน้าแท็ป หรือหัวข้อใด หัวข้อหนึ่ง เกี่ยวกับการสั่ง Scan
3.ให้คลิกเลือกหัวข้อการ scan นั้นๆ
4.แนะนำให้ scan ทุกๆ drive และเลือก Full Scan (ดูตัวอย่างจากโปรแกรม Kaspersky)
5.เลือกคำสั่ง Start Scan
ทั้งนี้ แต่ละคำสั่ง จะขึ้นกับแต่ละโปรแกรม แต่จะมีหลักการเช่นเดียวกันหมด ต้องลองทดสอบดูกันน่ะครับ

ข้อควรทราบการสแกนไวรัส

     ระหว่างการสแกนไวรัส อาจทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานช้าลง และทางที่ดีที่สุด แนะนำให้หยุดการเชื่อมต่อระบบเครือข่าย หรืออินเตอร์เน็ตก่อน